ไว้เป็นที่ระลึก : อีกความหมายของสติ๊กเกอร์ไลน์พระพุทธเจ้า ; ความคิดอันหลากหลายจากตาคนละดวงกัน

สวัสดีนักอ่านทุกท่านครับ

วันนี้จั่นอยากแชร์ความคิดกับทุกคนในเรื่องที่มันค่อนข้างจะอ่อนไหวอ่อนระทวยกันอยู่พอสมควรทีเดียว

ทุกท่านน่าจะเคยผ่านตากับกรณีที่แอพพลิเคชั่นไลน์(LINE)ได้มีการปล่อยสติ๊กเกอร์ลายพระพุทธเจ้าในSticker Shopให้ผู้ใช้ได้ซื่้อและโหลดมาส่งหากันอยู่สองชุด

สองลายนี้ครับ จำชื่อคอลเลคชั่นไม่ได้แล้ว

ซึ่งหลังจากที่สติ๊กเกอร์ทั้งสองลายวางจำหน่ายได้ไม่นานก็มีกระแสต่อต้านจากชาวพุทธในประเทศไทยบางส่วนได้ออกมาคัดค้านการจำหน่ายและบอกว่าเป็นการหมิ่นพระพุทธเจ้า สร้างความเสื่อมเสียให้กับศาสนาจนกระทั่งฝั่งไลน์ประเทศไทยได้ถอดการวางจำหน่ายสติ๊กเกอร์ทั้งสองลายออกไป

ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วก็เคยมีประเด็นการ์ตูนเรื่อง Saint Young Men มีเนื้อเรื่องว่าด้วยเมื่อพระพุทธเจ้ากับพระเยซูมาอยู่บนโลกมนุษย์และเช่าห้องเป็นรูมเมทกัน ซึ่งเป็นการ์ตูนตลกที่ใช้คาแรคเตอร์ของศาสดาทั้งสององค์มาสร้างเป็นการ์ตูนขำขันอบอุ่นแบบแทรกแง่คิด โดยชาวพุทธไทยที่รู้จักการ์ตูนเรื่องนี้บางส่วนก็ต่อต้านกันอย่างรุนแรงเลย

ปกการ์ตูนเซนต์ยังเมน ที่มีชื่อเสียงมากๆและได้รับรางวัลในญี่ปุ่นครับ

แต่ก็อย่างที่เรารู้กันครับ ทุกคนย่อมคิดแตกต่างกัน มีเพื่อนจั่นคนนึงที่เห็นสติ๊กเกอร์ไลน์พระพุทธเจ้า แล้วตีความออกมาได้อย่างน่าสนใจ

  

เพื่อนจั่นคนนี้เองก็นับถือศาสนาพุทธ และเป็นคนไทยแท้ๆ แต่เขาก็เลือกที่จะมองในแง่อื่นๆคือมองว่าสติ๊กเกอร์นั้นสามารถบอกเล่าถึงพระพุทธประวัติได้อย่างดีเยี่ยมโดยมาในรูปแบบอันสอดคล้องกับบริบทในสื่อยุคปัจจุบัน 

ส่วนตัวจั่นเอง จั่นขอเล่าจากที่ครูบาอาจารย์เคยสอนและที่ตัวเองเคยคิดวิเคราะห์ศึกษาประวัติศาสตร์มา จั่นว่าทุกๆคนคงจะต้องแอบเปิดใจตัวเองให้กว้างมากขึ้น และศึกษาเล่าเรียนถึงแก่นของหลักปรัชญาที่เรากำลังนับถืออยู่ให้เต็มที่ ให้เท่ากับที่เรารู้สึกศรัทธาและมีใจให้ ไม่ใช่เน้นแต่หลักปฏิบัติจนละเลยเนื้อหาของความหมายที่แท้จริงจากสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ อย่างทำไมเราถึงต้องกรวดน้ำ-เราจำเป็นจะต้องจับต่อๆกันเวลากรวดน้ำไหม-ถ้าไม่จับได้ไหม หรือทำไมเราถึงต้องบวช-เหตุผลที่แท้จริงของการบวชคืออะไร-การบวชเข้าไปแล้วนั้นทำให้เกิดบุญเกิดบาปเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง-ด้วยเหตุใดบ้าง เราควรจะรู้จักและเข้าใจในเรื่องเหล่านี้จริงๆหรือเปล่า เราเคยตั้งคำถามหรือหาคำตอบกับศาสนาพุทธที่ใช้หลัก "กาลามสูตร" อันสุดเจ๋งสำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วนกันบ้างแล้วหรือยัง

เพราะความหลากหลายของศาสนาพุทธนั้นมีมากมายหลายอย่าง หลายนิกาย จั่นว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะบังคับให้ทุกคนอ่านเรื่องราว ความเป็นมา การเดินทางจนมาถึงเมืองไทย และการเปลี่ยนแปลงของพุทธศาสนาว่าเปลี่ยนมาอย่างไรจนกลายเป็นพุทธในแบบที่สังคมไทยนับถือจนถึงปัจจุบัน อันไหนคือวิถีพุทธ อันไหนคือพราหมณ์ อันไหนคือการนับถือผี อันไหนที่ผสมๆกัน ฯลฯ คือรายละเอียดมันเยอะมาก อย่างถ้าเราไม่รู้จักนิกายมหายาน หรือตันตระ แล้วเราไปเจอภาพอย่าง

หรือเจอพระพุทธรูปปางแปลกตาอย่าง

เราก็คงจะอดตกใจกับภาพหรือรูปประดิษฐ์เหล่านี้ไม่ได้ แต่ถ้าเราศึกษาต่อว่าความหมายของสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นอีกหนึ่งในวิถีปฏิบัติอันเกิดจากแก่นของพุทธ (จั่นเองเคยไปเห็นที่เนปาล แต่รู้จักอยู่แล้วเลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ฮะ) เราก็จะเข้าใจและรับรู้มันไปในฐานะเรื่องราวความรู้จากอดีตกาล ไม่ใช่ภาพอันดูหมิ่นแห่งปัจจุบัน (ใครสนใจเรื่องตันตระเพิ่มเติมลองเสิร์ชว่า ตันตระ จากกูเกิ้ล หรือเข้าไปลิงค์ตามนี้ก็ได้ครับ ลัทธิตันตระ  กับ ลัทธิตันตระเสพกาม นี่หามาให้แบบลวกๆนะ ถ้าไปเสิร์ชเองรับข้อมูลหลายๆด้านจะดีกว่ามาก) 

เพราะอย่างนั้นแล้วการศึกษาหาข้อมูล หรืออ่านเรื่องราวต่างๆให้เกิดความเข้าใจ ก่อนที่เราจะลงมือแสดงความเห็นใดๆออกไปจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะยาก(เพราะเดี๋ยวนี้อ่านกันไปได้สามบรรทัดก็คันนิ้วอยากด่ากันแล้ว) แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆเลยนะครับ และความใจกว้าง-การเปิดรับความรู้ใหม่ๆด้วยความใจเย็นก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรจะมีคู่กันไปกับการรับความรู้-สร้างความเข้าใจอีกเช่นกัน

คราวนี้มาโหมดเครียดเลย แต่อยากให้อยู่กันอย่างเปิดใจ ใจกว้าง สังคมไทยจะได้มีเหตุมีผล มีความใจเย็น มีการรับฟังและปรึกษากันเพื่อสร้างสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นต่อๆไปครับ

ขอให้ทุกคนอยู่มีสติ อยู่ในความไม่ประมาท และใช้ชีวิตโดยไม่เบียดเบียนใครครับ

ref ภาพประกอบ จากเว็บต่อไปนี้ : 

http://www.ancienttreasures.com/lrgtext.php3?product=O-55&CA=16

http://en.wikipedia.org/wiki/Saint_Young_Men

http://www.siriganesh.com/a_buddha.folder/b_029.html